Meaw

แมวววนี่น่ารักเนอะ><

1.เบงกอล (Bengal)

แมวเบงกอลนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวหลายชนิด อาทิ อะบิสซิเนียน อเมริกันขนสั้น เบอร์มีส อียิปต์เชียนมัวร์ และแมวเสือดาวเอเชีย ในช่วงระหว่างปียุค 60 นั้น บรรดานักวิจัย อาทิ ช็อง มิลส์ในแคลิฟอเนีย ได้ทำการศึกษาโรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับแมว เช่น โรคลูคิเมียและโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ระหว่างการทำวิจัยนั้น ก็ค้นพบว่าแมวป่า เช่นสิงโตหรือเสือนั้นมีภูมิต้านทานต่อโรคบางชนิด แมวเสือดาวเอเชียจึงได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวบ้านธรรมดาเพื่อศึกษาว่าระบบภูมิคุ้มกันนั้นมีการทำงานในการต่อต้านโรคเหล่านี้ได้อย่างไร จากนั้นในปี 1963 คุณนายมิลส์ ก็ได้ทำการผสมพันธุ์แมวเสือดาวเอเชียตัวเมียกับแมวบ้านสีดำตัวผู้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็คือ ลูกแมวที่มีทั้งสีเดียวล้วนและมีลายจุด ซึ่งต่อมา หนึ่งในลูกแมวลายจุดตัวเมียนั้นก็ได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวที่เป็นพ่อของมัน และลูกที่ออกมาครอกนั้นเป็นลูกแมวลายจุดทั้งหมด ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดของแมวเบงกอล ด้วยเหตุนี้น้องเหมียวเบงกอลจึงเป็นแมวสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เพราะเป็นแมวลายจุดเพียงสายพันธุ์เดียวที่สืบเชื้อสายมาจากแมวป่าขนาดใหญ่ซึ่งก็คือ แมวเสือดาวเอเชีย นอกจากนี้ เป้าหมายในการพัฒนาแมวเบงกอลขึ้นมานั้นก็เพื่อสร้างแมวที่มีลักษณะคล้ายกับบรรพบุรุษของมันซึ่งเป็นแมวป่า แต่สามารถนำมาทำเป็นแมวเลี้ยงได้ น้องเหมียวเบงกอลในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีความพิเศษ น่าสนใจ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้โชคดีที่ได้พบเจอมัน ยิ่งไปกว่านั้น สีสันและลวดลายที่งดงามของมันนั้นทำให้มันเป็นสายพันธุ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น น้องเหมียวอารมณ์ดีสายพันธุ์นี้ยังเหมาะสมกับผู้เลี้ยงเกือบทุกประเภทและอยู่ได้เกือบทุกสถานการณ์อีกด้วย แต่ต้องจำไว้อย่างว่า แมวเบงกอลเป็นแมวที่ซุกซน กระตือรือร้น และขี้เล่นมาก และยังชอบทำตัวเป็นเจ้านายเสียด้วย ดังนั้นก็ควรมีใครที่สามารถดูแลและรับมือเจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ได้อย่างเหมาะสม! นอกจากนี้ แมวเบงกอลยังเฉลียวฉลาด และสอนพวกคำสั่งพื้นฐานได้ง่าย คุณสามารถปล่อยให้พวกมันเดินนำไปได้เลย เพราะพอเรียก มันก็จะมาหาคุณเองทันที เหมือนกับแมวตัวอื่นๆที่มาหาเจ้าของอย่างกับมี “โทรจิต” นั่นเอง ถ้าคุณอยากเลี้ยงแมวที่เป็นมิตร น่ารักน่าชัง และมีประวัติความเป็นมาที่ไม่เหมือนใครแล้วล่ะก็ อย่าได้มองข้ามน้องเหมียวอัศจรรย์พันธุ์นี้เด็ดขาด

2.เบอร์แมน (Birman)

ด้วยความที่เป็นแมวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ใครๆก็ต่างตกหลุมรักแมวเบอร์แมนหรือ “แมวศักดิ์สิทธิ์แห่งพม่า” ตามที่เป็นที่รู้จักกันในประเทศถิ่นกำเนิดของมัน เจ้าแมวสายพันธุ์นี้มีท่าทางที่สง่างามและ “ปกคลุม” ด้วยขนสีจาง มีใบหน้า หู หางและขาสีเข้ม และ “อุ้ง” สีขาวที่เท้าของมัน น้องเหมียวเบอร์แมนมีดวงตาสีน้ำเงินไพลินเข้ม อันที่จริงแล้วแมวสายพันธุ์นี้ถือกำเนิดมาจากตำนานเรื่องดังที่บรรยายอธิบายเกี่ยวกับสีที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกมัน โดยเรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตมีแมวสีขาวบริสุทธิ์อาศัยอยู่ที่วัดเหล่าซุนในพม่า แต่มีอยู่คืนหนึ่ง มีคนบุกรุกเข้ามาในวัดและสังหารพระที่อาวุโสที่สุดในวัดไป เจ้าแมวสีขาวบริสุทธิ์ของเขาที่ชื่อว่า สิงห์ กระโดดขึ้นไปบนตัวของเจ้านายมัน และวิญญาณของพระรูปนั้นก็เข้าไปอยู่ในตัวแมว ทันใดนั้นเองขนสีขาวของมันก็กลายเป็นสีทอง (คล้ายกับเทพีของวัด) ส่วนขา หน้า หู และหางนั้นก็กลายมาเป็นสีดิน แต่อุ้งเท้ายังคงสีขาวไว้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ แหม มีที่มาที่ไปที่แสนจะโรแมนติกอย่างนี้ ใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากเลี้ยวน้องเหมียวพันธุ์นี้! ถึงแม้ว่าการดูแลตัดแต่งขนอยู่เป็นประจำจะเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่โดยปกติแล้ว ขนของแมวพันธุ์นี้ จะมีลักษณะเหมือนใยไหมมากกว่าปุยๆ และไม่ค่อยพันกันยุ่งเหยิง จึงทำให้ง่ายต่อการดูแล แมวสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยเสียงดังนักและกระตือรือร้นกว่าแมวเปอร์เซียมาก แต่ก็ยังน้อยกว่าแมวสยาม โดยรวมน้องเหมียวเบอร์แมนนั้นเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับเด็กๆหรือใครก็ตามที่อยากเลี้ยงสัตว์แปลกใหม่ไว้ในบ้าน

3.ชินชิลล่า (Chinchilla)

น้องเหมียวเปอร์เซียแสนหรูนั้นปกติจะเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของบรรดาผู้รักแมวมากมาย แต่แมวชินชิลล่านั้นเป็นแมวที่สวยงามโดดเด่นจากขนสีเงินเงางาม ซึ่งทำให้มันแตกต่างจากแมวเปอร์เซียทั่วไปที่ดั้งเดิมแล้วมาจากประเทศตุรกีและมักมีขนหนาสีขาว น้องเหมียวชินชิลล่านั้นเป็นแมวขนาดใหญ่ที่อบอุ่น เป็นมิตรกับมนุษย์ มีรูปร่างเป็นทรงคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อมใบหน้าแบนทรงกลม และใบหูขนาดเล็ก พวกมันมีดวงตาสีเขียวสะท้อนแสงคล้ายกับลวดลายบนตัวมัน นอกจากนี้ ขนของมันยังมีความงดงามคล้ายใยไหม และยังมีหางเป็นพู่ๆที่โดดเด่นอีกด้วย โดยภาพรวมแล้ว แมวสายพันธุ์นี้มีสีขาวพร้อมลายสีดำที่ทำให้ตัวมันดูเป็นประกาย หนึ่งในน้องเหมียวชินชิลล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดนั้นเป็นที่รู้จักกันว่า Silver Lambkin และยังเชื่อกันว่าแมวตัวดังกล่าวนี้เป็นต้นกำเนิดของโทนสีที่สวยงามโดดเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ ตัวมันเองนั้นได้รับรางวัลใหญ่ๆมากมายในงานแสดงที่ Crystal Palace ในกรุงลอนดอนเมื่อปี 1888 เจ้าเหมียวแสนสวยตัวนี้มาจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ พวกมันมีนิสัยชอบเข้าหาคนอื่นมากกว่าแมวเปอร์เซียพันธุ์อื่นๆ และพวกมันยังมีเสียงที่ไพเราะอีกด้วย โดยปกติแล้วน้องเหมียวชินชิลล่าสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆที่พวกมันไปอยู่ได้อย่างรวดเร็วอีก และมีนิสัยแบบชิลๆ สบายๆ ดังนั้นแมวพันธุ์นี้จึงเหมาะมากสำหรับครอบครัวที่มีเวลาแปรงหรือหวีขนให้มันเป็นประจำทุกวันเลยล่ะ

4.บริติชขนสั้น (British Shorthair)

แมวบริติชขนสั้น หรือแมวซิลเวอร์แท็บบี้ มีร่างกายที่แข็งแรง กำยำ มีขนสั้น และได้รับการพัฒนาขึ้นในยุโรปมาจากแมวพันธุ์ทาง แมวสายพันธุ์บริติชขนสั้นในยุคแรกๆและแมวสายพันธุ์ชาร์เทรอของฝรั่งเศสนั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน และบรรดานักผสมพันธุ์แมวต่างก็คิดว่าแมวสองสายพันธุ์นี้จริงๆแล้วเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่ทุกวันนี้ นักผสมพันธุ์แมวได้ดูแลการผสมพันธุ์แมวเป็นอย่างดีเพื่อพัฒนาให้ทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความแตกต่างกันชัดเจน แมวสายพันธุ์บริติชขนสั้นได้ถูกนำไปแสดงในงานที่อาคาร Crystal Palace อันโด่งดังในปี 1895 และในตอนแรกผู้คนต่างก็หลงรักน้องเหมียวสายพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก ก่อนที่แมวเปอร์เซียจะกลายมาเป็นจุดสนใจในภายหลังแทน จากนั้นแมวบริติชขนสั้นก็ไม่ได้เป็นที่สนใจมากนักในเวลาต่อมาจนถึงในช่วงปียุค 30 เมื่อมีนักผสมพันธุ์แมวกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งให้ความสนใจกับแมวสายพันธุ์นี้ ทางฝั่งสหรัฐอเมริกานั้น ในช่วงแรกๆ แมวสายพันธุ์นี้ ถูกเรียกว่า แมวสายพันธุ์บริติชบลูส์ เพราะผู้คนเคยเห็นแค่แมวพันธุ์นี้ที่เป็นสีฟ้าและไม่ได้มีการกำหนดรูปร่างของแมวที่ชัดเจนเหมือนในปัจจุบัน แมวบริติชขนสั้นเป็นแมวที่มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ร่างกายแข็งแรง กำยำ มีหางหนา เจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ยังเป็นแมวที่รักอิสระและก็น่ารักมากเช่นกัน พวกมันชอบอยู่กับผู้คนและชอบติดตามเจ้าของไปรอบๆบ้าน ขนของพวกมันนั้นง่ายต่อการดูแลเพราะไม่ค่อยพันกันยุ่งเหยิงแต่ก็ควรหวีขนมันเบาๆบ้าง น้องเหมียวสายพันธุ์นี้จึงเหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับครอบครัวหรือคนที่อยู่คนเดียว

5.นอร์วีเจียนฟอเรสต์ (Norwegian Forest Cat)

แมวนอร์วีเจียน ฟอเรสต์นั้นเป็นแมวสายพันธุ์โบราณที่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศนอร์เวย์เมื่อกว่า 500 ที่แล้ว บางคนยังเชื่อกันว่าแมวสายพันธุ์นี้น่าจะมีมายิ่งกว่า 2000 ปีเสียอีก เจ้าแมวแสนสวยพันธุ์นี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม เวจีย์ (Wegie) นอร์สคอร์กกัต (Norskogkatt) สก็อกกัต (Skogkatt) หรือ นอร์สโกกัต (Norskskaukatt) ซึ่งว่ากันว่า ตามตำนานของชาวนอร์สนั้น แมวสายพันธุ์นี้เป็นผู้สืบเชื้อสายของเหล่าบรรดาแมวเทพ และก็ยังเป็นไปได้ว่า บรรพบุรุษของแมวสก็อกกัต (Skogkatt) นั้นก็คือแมวสายพันธุ์ตุรกีขนยาว (Turkish longhairs) เนื่องจากจักรพรรดิแห่งไบเซ็นไทน์หลายพระองค์จะมีผู้คุ้มกันที่มาจากสแกนดิเนเวียนั่นเอง นับแต่นั้นเป็นต้นมาแมวเหล่านี้ก็ถูกเลี้ยงตามทุ่งนาอยู่กลางแจ้งและคอยหาที่หลบฝนตามที่มันจะหาได้ จึงเป็นไปได้ว่าแมวสก็อกกัตนั้นได้วิวัฒนาการตัวเองขึ้นมาเพราะมันได้ปรับตัวเข้ากับชีวิตที่โลดโผนแบบนี้เป็นอย่างดี สมาคมผู้ชื่นชอบแมวแห่งประเทศนอร์เวย์ ( The Cat Fancy Association of Norway) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1934 นั้น ได้พิจารณาให้แมวสก็อกกัตเป็นแมวสายพันธ์พิเศษในปี 1938 จากนั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พวกกิจกรรมโครงการต่างๆที่เกี่ยวกับการจำแนกสายพันธุ์แมวนั้นได้ถูกหยุดไป ซึ่งก็ทำให้เจ้าแมวสก็อกกัตนี้เกือบจะถูกลืมไปเสียแล้ว แต่แล้วในช่วงต้นยุคปี 70 กลุ่มผู้ชื่นชอบแมวก็ได้ริเริ่มโครงการเพาะพันธุ์แมวอย่างจริงจัง ในเดือนธันวาคม ปี 1975 เหล่านักผสมพันธุ์แมวชาวนอร์เวย์ ก็ได้จัดตั้ง ชมรมแมวนอร์วีเจียนฟอเรสต์ขึ้น (Norsk Skogkattring) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาแมวสายพันธุ์นี้เอาไว้ และความพยายามของพวกเขาก็เป็นผลสำเร็จเพราะในปี 1976 แมวสายพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ รูปแบบโดยทั่วไปของแมวสก็อกกัตนั้นเป็นแมวที่มีลายสีน้ำตาลหรือสีเทา ถึงแม้ว่าขนที่มีลักษณะกึ่งยาวกึ่งสั้นของมันจะต้องได้รับการแปรงบ้างเป็นบางครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่ขนของมันก็ไม่ค่อยต้องดูแลอะไรมากนัก แต่ก็ต้องคอยหมั่นเอาพวกกิ่งไม้หรืออะไรที่ติดตามขนของมันออกอยู่เรื่อยๆ และแม้ว่าแมวตัวนี้จะถูกมองว่ามันเป็นแมวที่ “ถึก” แต่พวกมันก็มีด้านที่อ่อนโยนและยังขี้เล่น มีชีวิตชีวาและน่ารักอีกด้วย นอกจากนี้พวกมันยังมีนิสัยอ่อนโยนและรักเจ้าของโดยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงอาศัยในบ้านร่วมกับผู้คนได้ไม่มีปัญหา ตราบใดที่พวกมันมีของเล่น สถานที่ให้มันปีนเล่น และที่ลับเล็บให้พวกมัน แมวนอร์วีเจียนฟอเรสต์เข้ากับแมวสายพันธุ์อื่นๆ และสุนัขได้ดี และยังชื่นชอบเด็กๆเป็นพิเศษอีกด้วย แมวที่แสนฉลาด กระตือรือร้น และมีชีวิตชีวาสายพันธุ์นี้จึงเป็นแมวที่สวยงามและน่าสนใจสำหรับหลายๆคน

6.เมนคูน (Maine Coon)

แมวเมนคูนนี้มีต้นกำเนิดมาจากทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา และเคยเป็นสัตว์ป่ามาก่อน อีกทั้งยังมีตำนานมากมายกล่าวถึงเจ้าแมวยักษ์ใหญ่นี้อีกด้วย แมวเมนคูนนั้นเป็นหนึ่งในแมวเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่า แมวเมนคูนนั้นเกิดจากการผสมกันระหว่างแมวและแร็คคูน ซึ่งแน่นอนว่าในทางชีววิทยานั้น มันเป็นไปไม่ได้ จริงๆแล้วมันน่าจะได้ชื่อของมันมาจากชื่อมลรัฐ เมน (ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของมัน) ในสหรัฐอเมริกาและหางขนาดใหญ่ที่เหมือนกับหางแร็คคูนมากกว่า เลยเป็นที่มาว่า ทำไมจึงเรียกพวกมันว่า เมนคูน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่าเจ้าเหมียวเมนคูนเนี่ย เป็นผลผลิตมาจากการส่งแมวฝรั่งเศสขนยาว ซึ่งเคยเป็นของพระนางอังรีอองตัวเน็ตมาก่อน ไปที่สหรัฐอเมริกาในช่วงที่พระนางวางแผนจะหลบหนีจากการปฏิวัติ แต่ไม่ว่ามันจะมีที่มาที่ไปยังไงก็ตาม คนอเมริกาในปัจจุบันก็มองว่า แมวเมนคูน เป็นแมวสัญชาติเดียวกับพวกเขาไปเสียแล้ว ปกติแล้วแมวเมนคูนเป็นสัตว์อารมณ์ดีและยังติดตลกด้วย ถ้าอยากจะพิสูจน์สุภาษิตที่ว่า “ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวมาแล้ว” ล่ะก็ มาพิสูจน์กับน้องเหมียวเมนคูนได้เลย เพราะมันอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาดมากและชอบอยู่กับผู้คน จึงเหมาะมากที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน แต่จะดียิ่งกว่าเพราะคุณจะได้เพื่อนที่จะอยู่ด้วยไปชั่วชีวิต แมวเมนคูนมีหน้าอกกว้างและร่างกายที่กำยำ ตัวเมียปกติแล้วจะหนักได้ถึง 6 กก. และตัวผู้ 8 กก. แต่ก็มีตัวผู้บางตัวหนักถึง 13 กก. โดยที่ไม่ได้ตัวอ้วนเลย แน่นอนว่าสิ่งที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดสำหรับแมวสายพันธุ์นี้ก็คือ หางของมันที่ยาวและเต็มไปด้วยขนที่ปลิวไสว แมวพันธุ์นี้ชอบอยู่กับผู้คน ดังนั้นอย่าลืมว่าต้องมีคนคอยอยู่กับมันด้วยนะ แมวพันธุ์นี้เหมาะแก่การเลี้ยงในครอบครัว และชื่นชอบการได้ไป “เที่ยวเล่น” กับคนในบ้าน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปเอ็นเทอร์เทนมันตลอดหรอกนะ



7.แร็กดอลล์ (Ragdoll)

ถ้าคุณกำลังมองหาแมวที่สบายๆและน่ารักมากๆอยู่ล่ะก็ แมวแร็กดอลล์นั้นเป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ! น้องเหมียวแร็กดอลล์นั้นค่อนข้างเงียบ อ่อนโยน และมีนิสัยสบายๆ พวกมันมีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา ชื่อของมันก็บอกแล้ว ว่าพวกมันเป็นแมวที่แสนจะมีนิสัยสบายๆซะเหลือเกิน แล้วก็ชื่นชอบการได้กลิ้งตัวไปมาบนอ้อมแขนของคุณเหมือนกับตุ๊กตาผ้า มีหลายทฤษฎีที่มาอธิบายว่าเจ้าแมวสายพันธุ์นี้มาจากไหน แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าต้นกำเนิดของมันนั้นมีส่วนสัมพันธ์กับแมวเปอร์เชียคัลเลอร์พอยท์ (Colourpoint Persians) แมวเบอร์แมนและแมวสยาม แต่ไม่ว่าแมวสายพันธุ์นี้จะมาจากที่ไหน มันก็เป็นแมวเงียบสงบที่ชอบอยู่กับผู้คน โดยรูปร่างแล้ว พวกมันมีไหล่กว้างยาวที่กำยำ และมีขาที่แข็งแรง กะโหลกขนาดใหญ่ พร้อมแก้มรูปร่างกลมและดวงตากลมรีสีฟ้ากับใบหน้าที่อ่อนหวาน ขนยาวปานกลางที่สวยงามของมันนั้นจะไม่พันกันยุ่งและยังมีลักษณะขนที่อ่อนนุ่มเหมือนกับขนกระต่ายอีกด้วย พวกมันมีหางรูปร่างหนาและเป็นพุ่มๆ และยังมีขนที่แผงคอและขนที่ยาวยิ่งขึ้นที่บริเวณส่วนหลัง แมวแร็กดอลล์นั้นชื่นชอบการอยู่ร่วมกับผู้คนเป็นอย่างมาก และชอบเดินตามเจ้าของแบบเดียวกับลูกสุนัข พวกมันยังชอบมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆในบ้านในแต่ละวัน แต่ระวังนะ เพราะพวกมันจะดูจ๋อยไปเลย ถ้าคุณไม่ยอมทักมันตอนที่คุณกลับถึงบ้านในแต่ละวัน ถ้าคุณมองแล้วว่า แมวสายพันธุ์นี้แหล่ะ คือแมวที่คุณถูกใจ ก็เตรียมพร้อมที่จะแปรงขนของมันให้บ่อยๆ และก็อย่าลืมสร้างสถานที่ให้พวกมันได้วิ่งเล่น สำรวจไปมา หรือเดินไปทั่วตามใจชอบ


8.สก็อตติชโฟลด์ (Scottish Fold)

แมวสก็อตติชโฟลด์นั้นเป็นแมวที่มีรูปร่างหน้าตาในแบบฉบับของตัวเองอย่างแท้จริง จริงๆแล้วเนี่ย ใบหูที่แนบชิดกับหัวกลมแบนของมันทำให้น้องเหมียวที่ดูอ่อนหวานดูราวกับว่ามัน “กำลังใส่” หมวกกันน็อคอยู่เลย แมวสก็อตติชโฟลด์ตัวแรกนั้นเกิดขึ้นในฟาร์มที่สก็อตแลนด์ในปี 1961 แต่หลังจากนั้นมันก็ถูกนำไปผสมพันธุ์กับแมวบริติชขนสั้นเพื่อพัฒนาให้เกิดเป็นแมวขนาดกลางที่มีดวงตากลมโตและใบหูที่แนบชิด น้องเหมียวสายพันธุ์นี้ยังมีหนวดที่โดดเด่นที่ทำให้มันดูเหมือนว่ากำลัง “ยิ้ม” อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นอะไรที่เจ้าเหมียวที่แสนจะเป็นมิตรนี้คงทำอยู่แล้วถ้ามันทำได้ นอกจากนี้ แมวสายพันธุ์นี้ยังชอบนอนหงายหลังซึ่งต่างจากแมวพันธุ์อื่นๆอีกด้วย โดยปกติแล้วน้องเหมียวสก็อตติชโฟลด์เป็นสัตว์ที่อ่อนโยนและชอบอยู่ร่วมกับผู้คนและยังชอบเป็นคนกำกับกิจกรรมต่างๆในบ้านอีกด้วย ทว่า เจ้าเหมียวที่แสนจะน่ารักสายพันธุ์นี้ไม่ชอบอยู่ตัวคนเดียวเสียเท่าไหร่ จึงไม่ควรปล่อยมันไว้ลำพังนานนัก หากใครจะเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้แต่จะไม่ได้อยู่บ้านบ่อยๆ ก็ควรเลี้ยงแมวสก็อตติชโฟลด์ไว้สองตัวให้มันได้อยู่เป็นเพื่อนกัน ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย การมีแมวสายพันธุ์นี้สองตัวก็หมายความว่าคุณจะได้ความรักจากพวกมันเพิ่มเป็นสองเท่ายังไงล่ะ

9.โซมาลี (Somali)

แมวโซมาลีนั้นเป็นแมวขนาดกลางที่สง่างาม กระฉับกระเฉง และมีร่างกายกำยำ เพียบพร้อมด้วยขนที่สวยงามและหางฟูๆเหมือนกับหางสุนัขจิ้งจอก ปกติแล้วแมวโซมาลีจะต้องได้รับการตกแต่งขนอยู่เป็นประจำเพื่อให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่ลักษณะขนที่คล้ายกับใยไหมของมันนั้นจะไม่ค่อยพันกันยุ่งเหมือนกับขนของแมวเปอร์เซีย แมวโซมาลีเป็นแมวที่มีขนแบบกึ่งสั้นกึ่งยาวและมีสี่สีพื้นฐาน ได้แก่ สีน้ำตาลแดงอ่อนซินนามอน สีน้ำตาลปนเหลือง สีฟ้า และสีน้ำตาลอ่อน และมีแนวยาวเป็นสีเงิน ในขนแต่ละเส้นของมันนั้นก็จะมีลวดลายสีดำหรือน้ำตาลช็อคโกแลตซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะพัฒนาขึ้นมาเต็มที่ ลูกแมวโซมาลีนั้นจะมีขนสีเข้มตอนเกิดมาและจะมีลวดลายครบถ้วนสมบูรณ์ก็ตอนที่พวกมันมีอายุ 18 เดือน น้องเหมียวโซมาลีเป็นแมวที่น่าหลงใหลและรักสนุก มีดวงตารูปทรงถั่วอัลมอนด์ที่แสดงอารมณ์อย่างชัดเจน นอกจากพวกมันจะเป็นเพื่อนเล่นที่ดีให้กับเด็กๆแล้ว พวกมันยังขี้เล่นกระฉับกระเฉง อยากรู้อยากเห็นและชอบอยู่ร่วมกับผู้คนอีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว พวกมันมีเสียงนุ่มเบาและไม่ค่อยได้ส่งเสียงเสียเท่าไหร่

10.เตอร์กิชแวน (Turkish Van)

แมวเตอร์กิชแวนนั้นเป็นแมวสายพันธุ์โบราณที่หายากและมีจุดเด่นที่ชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ แมวเตอร์กิชแวนหรือ “แมวว่ายน้ำ” นั้นมีถิ่นกำเนิดจากบริเวณรอบๆทะเลสาบแวนในประเทศตุรกี โดยพวกมันได้พัฒนาทักษะการว่ายน้ำ เพื่อที่จะว่ายลงไปในบริเวณอ่าวเพื่อไปอ้อนขออาหารจากเรือตกปลาที่กำลังมาเทียบฝั่ง ทุกๆวันนี้ เราสามารถพบแมวสายพันธุ์นี้จำนวนมากได้ในประเทศอิหร่าน อิรัก ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหภาพโซเวียต และตุรกีตะวันออก พวกมันถูกนำไปที่ประเทศอังกฤษในปี 1955 และถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เป็น เตอร์กิชแวน เพื่อป้องกันไม่ให้สับสนกับแมวสายพันธุ์เตอร์กิชอังการ่า แมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่รูปร่างยาว กำยำ มีอุ้งเท้าที่มีขนเป็นพู่ๆ มีหัวสั้นทรงรูปลิ่มและมีจมูกตรงยาว นอกจากนี้ ด้วยความที่มันเป็นนักว่ายน้ำตัวยง ขนของมันจึงกันน้ำได้ แต่ก็ต้องได้รับการตกแต่งขนบ้าง แม้ว่าน้องเหมียวจะผลัดขนเยอะมากในช่วงฤดูร้อน แต่หางของมันก็จะสวยงามเป็นพุ่มๆไปตลอดทั้งปี นอกจากนี้พวกมันยังชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ และจะมาร่วมกิจกรรมครอบครัวต่างๆที่เกี่ยวกับน้ำอย่างไม่ลังเลเลย ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ ล้างจาน หรือแม้แต่อาบน้ำ! แม้ว่าน้องเหมียวเตอร์กิชแวนจะค่อนข้างขี้อายกับคนแปลกหน้า แต่พวกมันก็รักเจ้าของมาก พวกมันมีเสียงเบา กินได้เยอะ และมีนิสัยแบบสบายๆ ซึ่งทำให้มันปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างง่ายดาย







Comments